ผู้เขียน หัวข้อ: เลือกวิธีจัดฟันเด็ก ให้เหมาะกับฟันของลูก  (อ่าน 105 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 168
    • ดูรายละเอียด
เลือกวิธีจัดฟันเด็ก ให้เหมาะกับฟันของลูก
« เมื่อ: วันที่ 8 กันยายน 2024, 14:15:40 น. »
เลือกวิธีจัดฟันเด็ก ให้เหมาะกับฟันของลูก

หลายคนอาจมีความเข้าใจว่าการจัดฟันนั้นจะต้องเริ่มทำตั้งแต่วัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงที่ฟันน้ำนมหลุดออกและมีฟันแท้ขึ้นมา แต่ที่จริงแล้วการจัดฟันนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่เป็นเด็ก และวันนี้เราจะมาแนะนำการจัดฟันแต่ละประเภทว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง


เด็กสามารถจัดฟันได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่

โดยทั่วไปคุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยไปจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 6-7 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่หากตรวจพบปัญหาช่องปากเมื่อไหร่ก็สามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าฟันช่วงวัยรุ่นนั่นเอง
ปัญหาฟันแบบไหนบ้างที่ควรจัดฟัน

    ฟันหน้ายื่นผิดปกติซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับอุบัติเหตุง่ายขึ้น
    คางยื่น
    ฟันเก
    ฟันซ้อน
    ฟันห่าง
    ฟันสบกันผิดปกติ
    นอนหายใจทางปาก
    เด็กติดการดูดนิ้วหรือใช้ลิ้นดุนฟันเป็นประจำ
    ฟันน้ำนมหลุดเร็วเกินไปหรือหลุดช้ากว่าปกติ
    เด็กกลืนอาหารผิดปกติ สังเกตจากการไอหรือลำลัก รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองขณะกลืน


เด็กควรจัดฟันแบบไหนดี?

เด็กสามารถจัดฟันได้เหมือนผู้ใหญ่ ได้แก่ การจัดฟันแบบโลหะ การจัดฟันแบบเซรามิก การจัดฟันแบบดามอนและการจัดฟันใส


1. การจัดฟันแบบโลหะ (การจัดฟันแบบยางสี)

เป็นวิธีจัดฟันโดยหมอฟันเด็กจะใช้ยางรัดลวดจัดฟันให้ติดกับอุปกรณ์ติดแน่นบนฟันที่เรียกว่า แบร็กเก็ต ซึ่งเป็นโลหะสีเงินในการทำหน้าที่ดึงฟันให้เคลื่อนไปยังตำแหน่งที่หมอฟันเด็กต้องการ


2. การจัดฟันแบบเซรามิก

เป็นวิธีจัดฟันโดยหมอฟันเด็กจะใช้ยางรัดลวดจัดฟันให้ติดกับแบร็กเก็ตสีเหมือนฟัน ทำหน้าที่ดึงฟันให้เคลื่อนไปยังตำแหน่งที่หมอฟันเด็กต้องการ โดยยางที่ใช้ยังเป็นสีสดใสและลวดดัดฟันเป็นสีโลหะเงินเหมือนการจัดฟันแบบโลหะ


3. การจัดฟันแบบดามอน

เป็นวิธีจัดฟันด้วยเครื่องมือแบบ Damon ที่มี sliding bracket เป็นวัสดุติดบนผิวฟันกับการใช้ลวดจัดฟันชนิดพิเศษซึ่งจะช่วยเคลื่อนฟันด้วยแรงที่เบาและนุ่มนวล รวมถึงทำความสะอาดง่ายกว่าการจัดฟันแบบอื่น


4. การจัดฟันแบบใส

เป็นวิธีจัดฟันแบบไม่ต้องใช้เครื่องมือและลวดเหล็ก สามารถถอดออกมาทำความสะอาดเองได้ เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ทำจากพลาสติกผิวเรียบใส ทำให้มองไม่ออกเลยว่าจัดฟันอยู่ การจัดฟันประเภทนี้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการวางแผนการรักษา โดยจะแสดงภาพ 3D ถึงการเคลื่อนของฟัน ทำให้คำนวนจำนวนชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใสที่จะต้องใช้ได้


ขั้นตอนการจัดฟันแต่ละประเภท

1. การจัดฟันแบบโลหะ (การจัดฟันแบบยางสี)

    หมอฟันเด็กนัดทำพิมพ์ปาก จากนั้นจึง X-ray ตรวจเช็คสภาพฟันเพื่อเคลียร์ช่องปาก
    จากนั้นหมอฟันเด็กจะนัดติดเครื่องมือ และนัดปรับเครื่องมือเดือนละ 1 ครั้ง จนกว่าจะเข้าที่ตามแผนการรักษา
    เมื่อฟันเข้าที่เรียบร้อยแล้ว หมอฟันเด็กจะนัดถอดเครื่องมือจัดฟัน พร้อมกับพิมพ์ปากทำรีเทนเนอร์


2. การจัดฟันแบบเซรามิก

    หมอฟันเด็กนัดทำพิมพ์ปาก จากนั้นจึง X-ray ตรวจเช็คสภาพฟันเพื่อเคลียร์ช่องปาก
    จากนั้นหมอฟันเด็กจะนัดติดเครื่องมือ และนัดปรับเครื่องมือเดือนละ 1 ครั้ง จนกว่าจะเข้าที่ตามแผนการรักษา
    เมื่อฟันเข้าที่เรียบร้อยแล้ว หมอฟันเด็กจะนัดถอดเครื่องมือจัดฟัน พร้อมกับพิมพ์ปากทำรีเทนเนอร์


3. การจัดฟันแบบดามอน

    หมอฟันเด็กนัดทำพิมพ์ปาก จากนั้นจึง X-ray ตรวจเช็คสภาพฟันเพื่อเคลียร์ช่องปาก
    จากนั้นหมอฟันเด็กจะนัดติดเครื่องมือ และนัดปรับเครื่องมือทุก 6-8 สัปดาห์ เพื่อปรับลวดจัดฟัน
    เมื่อจัดฟันเสร็จหมอฟันเด็กจะถอดเครื่องมือจัดฟัน และทำพิมพ์ฟันเพื่อทำรีเทรนเนอร์สำหรับคงสภาพฟัน ให้คนไข้ใส่ ป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปยังตำแหน่งเดิม


4. การจัดฟันแบบใส

    หมอฟันเด็กจะถ่ายรูปช่องปากและใบหน้า จากนั้นจึง X-ray และพิมพ์แบบฟัน
    หมอฟันเด็กจะนำแบบฟันส่งแล็บเพื่อผลิตชุดจัดฟัน
    เมื่อได้ชุดจัดฟันเฉพาะบุคคลแล้ว หมอฟันเด็กจะนัดวันเพื่อใส่ชุดจัดฟัน โดยจะต้องใส่เครื่องมือวันละ 20-22 ชั่วโมง โดยจะต้องถอดออกเฉพาะเวลารับประทานอาหารและแปรงฟันเท่านั้น
    หมอฟันเด็กจะนัดเปลี่ยนชุดใหม่ทุก 2 สัปดาห์ จนกว่าฟันจะเข้าที่ตามแผนการรักษา
    จากนั้นหมอฟันเด็กจะนัดหมายเพื่อเช็คการเคลื่อนที่ของฟัน


เตรียมความพร้อมก่อนจัดฟันเด็ก

    พักผ่อนให้เพียงพอ ทำใจให้สบาย
    หากรู้สึกกังวลหมอฟันเด็กจะให้คำปรึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดฟัน
    หมอฟันเด็กจะตรวจเช็คสุขภาพช่องปากโดยการให้เด็กทดสอบการกัดเพื่อดูความผิดปกติของการจัดฟัน
    X-ray ฟันเด็กเพื่อวินิจฉัยปัญหาการจัดฟันของเด็ก

วิธีดูแลหลังการจัดฟัน

    แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือแปรงทุกครั้งหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที
    ใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปากทุกครั้งหลังการแปรงฟัน
    หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดหรือแข็งเกินไป เพื่ออาจทำให้ปวดฟัน
    มาปรับเครื่องมือตามนัดของหมอฟันเด็ก
    ใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน
    พบหมอฟันเด็กเป็นประจำทุก 6 เดือน