แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 13
1
บ้านติดรถไฟฟ้า ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ เทพารักษ์ (Supalai Palm Spring Thepharak)
เริ่มต้น 4.69 ลบ.

ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ เทพารักษ์ (Supalai Palm Spring Thepharak)
บ้านเดี่ยวหลากฟังก์ชั่น ตัวบ้าน โปร่ง โล่ง ด้วยบ้านที่ดีไซน์ เพื่อการประหยัดพลังงาน ในสังคมคุณภาพ หลีกหนีความวุ่นวายได้ที่บ้านกับพื้นที่สีเขียว และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ เชื่อมต่อ ถ.เทพารักษ์, ถ.บางนา-ตราด, ถ.สุขุมวิท และ ถ.ตำหรุ-บางพลี แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ เทพารักษ์ (Supalai Palm Spring Thepharak)
 เจ้าของโครงการ       ศุภาลัย
 ราคา                   เริ่มต้น 4.69 ลบ.

 ประเภทบ้าน          บ้านเดี่ยว
 ลักษณะทำเล        บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ       99 ไร่
 จำนวนบ้าน           453 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด     6 แบบ
  เนื้อที่บ้าน           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย         ตั้งแต่ 150 ถึง 233 ตร.ม.
 จำนวนชั้น            2 ชั้น
 หน้ากว้าง           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน    ตั้งแต่ 3 ถึง 4 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ     2 คัน
 สาธารณูปโภค       สวนสาธารณะ, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, Keycard System (Easy Pass)

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง        ซ.วัดบางปลา ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

 ขนส่งสาธารณะ           ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(แบริ่ง - บางปู)(บางปู)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Mega & IKEA บางนา
Central Village สุวรรณภูมิ
Big C บางพลี
Tesco Lotus บางพลี
นิคมอุสาหกรรม บางปู
สถานตากอากาศบางปู
สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
โรงเรียนบดินเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุทรปราการ
โรงเรียนนานาชาติ ไทย-สิงคโปร์
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์
โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์

2
เครื่องมือกันฟันล้ม กับ การเข้ารับการจัดฟันเด็ก แบบไหนดีกว่ากัน

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะดูแลเอาใจใส่ หรือถ้าหากเด็กมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน พ่อแม่ก็ควรที่จะพาเด็กเข้ารับการรักษาทันที เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานๆ อาจจะทำให้เกิดปัญหาลุกลาม จนถึงขั้นสูญเสียฟันไปได้ และการที่เด็กสูญเสียฟันไป อาจจะทำให้เกิดปัญหาฟันอื่นๆได้เช่น การฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง ฟันล้ม ซึ่งปัญหาการฟันห่าง ฟันล้มนั้น



สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก และอีกวิธีหนึ่งก็คือ การสวมใส่เครื่องมือกันฟันล้ม ซึ่งก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันล้มได้เช่นเดียวกัน ซึ่งวันนี้ทางคลินิก ของเราจะมาพูดถึงเครื่องมือกันฟันล้มและการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ว่าแบบไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองอย่างนี้ สามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กก่อนซึ่งต้องบอกว่า การจัดฟันในเด็ก หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า  การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกกรณี และช่วยส่งเสริมในเรื่องของหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยปรับตำแหน่งโครงสร้างของใบหน้า หรือช่วยในเรื่องของรูปร่างฟัน
และสามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้ตั้งแต่อาบุ 4-15 ปี ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุและปัญหาของแต่ละคน ที่ทันตแพทย์จะพิจารณาว่าจะเข้ารับการจัดฟันในรูปแบบใด ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น ก็ถือว่าได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

สำหรับเครื่องมือการฟันล้ม ซึ่งเครื่องมือกันฟันล้มสำหรับเด็กมี 2 ประเภทนั่นก็คือ แบบถอดได้ เครื่องมือคงสภาพชนิดที่สามารถใส่และถอดมาทำความสะอาดได้เอง และอีกแบบหนึ่งก็คือ เครื่องมือกันฟันล้มแบบติดแน่น เครื่องมือคงสภาพชนิดติดแน่นซึ่งไม่สามารถถอดเครื่องมือออกเองได้ โดยเครื่องมือกันฟันล้มนั้น

สามารถช่วยรักษาช่องว่าง ช่วยให้ฟันแท้ขึ้นได้และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ป้องกันปัญหาฟันเกหรือฟันขึ้นผิดที่ได้ แต่ถ้าหากเด็กมีปัญหาและไม่ใส่เครื่องมือกันฟันล้ม ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น จะทำให้ฟันล้มเอียงมาทางช่องว่างนั้น ทำให้ฟันแท้ขึ้นผิดตำแหน่ง ทำให้เกิดปัญหาฟันซ้อนเกทำให้สูญเสียความสวยงาม

รวมไปถึงอาจจะเกิดกระดูกเบ้าฟันหนาตัว มีผลให้ฟันแท้ที่อยู่ข้างใต้ขึ้นช้ากว่าปกติ สำหรับลักษณะของเครื่องมือกันฟันล้ม เป็นวงแหวนสีเงินสวมลงบนฟัน และมีลวดเล็กๆดัดโค้งมาแตะฟันซี่ด้านหน้าเพื่อค้ำยันไว้ไม่ให้ฟันขยับเข้าหากัน อาจเป็นเพียงชิ้นเล็กๆหรือเป็นแบบสองข้างซ้ายขวา ขึ้นกับจำนวนและตำแหน่งฟันน้ำนมที่ถูกถอนไป

แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งเครื่องมือกันฟันล้มและการจัดฟันในเด็ก ถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน เราก็จะต้องมาดูในเรื่องของปัญหาของแต่ะคนก่อน เพราะทั้งสองแบบก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน แต่ถ้าหากเรื่องของแก้ไขปัญหาในเรื่องของฟันในเด็กโดยตรงควรพาเด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้หลากหลายกรณี และสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาวด้วย

อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กหรือสวมใส่เครื่องมือกันฟันล้ม ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทันตกรรมในเด็ก มีประสบการณ์ด้านการจัดฟันในเด็กมาอย่างยาวนาน

จึงสามารถให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น การที่เด็กมีสุขภาพฟันที่ดีนั้น จะสามารถช่วยส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการของเด็กได้ด้วย และจะทำให้เด็กสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีความสุขมากยิ่งขึ้น

เพราะเราอยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่เด็กจะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ เพื่อที่จะได้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น

3
หมอประจำบ้าน: สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก (Foreign body in the nose)

สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก มักพบในเด็กเล็กที่เล่นซนนำสิ่งแปลกปลอม (เช่น เมล็ดผลไม้ เศษอาหาร เศษยางลบ เศษกระดาษ  กระดุม ลูกปัด ชิ้นส่วนของเล่น ถ่านกระดุม เป็นต้น) แยงเข้าไปคาอยู่ในรูจมูก ภาวะนี้พบบ่อยในเด็กอายุ 2-5 ปี

เด็กโตอาจบอกพ่อแม่ได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดในรูจมูก แต่เด็กเล็กที่ยังสื่อสารไม่ได้ อาจแสดงอาการกระสับกระส่าย และมีอาการผิดสังเกตอื่น ๆ

ถ้าพ่อแม่ไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรก และปล่อยทิ้งไว้หลายวัน ก็จะทำให้เยื่อจมูกเกิดการอักเสบ และมีภาวะแทรกซ้อนตามมา

สาเหตุ

เกิดจากความไม่รู้ การเล่นซน หรือความประมาทเลินเล่อ

อาการ

เด็กจะมีอาการคัดจมูก แน่นจมูก ในข้างที่มีสิ่งแปลกปลอม (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้างเดียว) หรือหายใจผ่านรูจมูกได้สะดวกเพียงข้างเดียว หรือหายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หรือหายใจทางปาก อาจมีอาการปวดศีรษะข้างเดียวกับจมูกข้างที่มีสิ่งแปลกปลอม หรือมีอาการไอบ่อย (เนื่องจากมีน้ำมูกไหลลงคอ เกิดการระคายคอ) เด็กเล็กที่ยังสื่อสารไม่ได้ อาจแสดงอาการกระสับกระส่าย ใช้นิ้วแหย่ แคะ หรือดันจมูกบ่อย ๆ

ในระยะแรกอาจมีอาการของเหลวคล้ายน้ำมูกไหลออกจากจมูก อาจมีลักษณะใส หรือสีเทา หรือมีเลือดปน หรือมีเลือดกำเดาไหล ต่อมาจะมีอาการหายใจมีกลิ่นเหม็น และจมูกข้างที่มีสิ่งแปลกปลอม (มักเป็นข้างเดียว) มีน้ำมูกข้นสีเหลืองหรือเขียว หรือมีลักษณะเป็นหนองหรือเลือดปนหนอง และอาจมีไข้ร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อน

หากปล่อยไว้มักทำให้เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง และอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น แผลที่เยื่อเมือกจมูก ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน เนื้อเยื่อรอบกระบอกตาอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น

ถ้าสิ่งแปลกปลอมหลุดลงไปในหลอดลม ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในหลอดลมและปอด เช่น ปอดอักเสบ หลอดลมพอง ปอดแฟบ ฝีในปอด เป็นต้น

สำหรับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นถ่านกระดุม (button battery ซึ่งใช้กับของเล่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ) หากปล่อยไว้สารเคมีในถ่านอาจรั่วไหลออกมาทำลายเนื้อเยื่อในโพรงจมูก เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น แผลที่เยื่อเมือกจมูกหรือผนังจมูก ผนังจมูกทะลุ โพรงจมูกตีบ ปีกจมูกยุบ เป็นต้น อันตรายจากถ่านกระดุมนี้มักเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง (อาจพบได้เร็วสุดหลังเกิดเหตุเพียง 1-2 ชั่วโมง)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

ตรวจพบจมูกข้างหนึ่งมีของเหลวคล้ายน้ำมูกไหล หรือมีน้ำมูกข้นสีเหลืองหรือเขียว หรือมีลักษณะเป็นหนองหรือเลือดปนหนอง หรือมีเลือดกำเดาไหล บางรายอาจตรวจพบอาการที่จมูกทั้ง 2 ข้าง หายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หรือมีไข้

เมื่อเอาไฟฉายส่องดู อาจพบสิ่งแปลกปลอมคาอยู่ในรูจมูกจมูกข้างหนึ่ง

ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ ใช้กล้องส่องตรวจจมูก (rhinoscopy) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

1. เอาสิ่งแปลกปลอมออก 

    หากสิ่งแปลกปลอมอยู่ไม่ลึก ใช้ลวดเล็ก ๆ ตรงปลายงอเล็กน้อยแยงรอดใต้สิ่งแปลกปลอมจนพ้นขอบหลังสุด แล้วเกี่ยวเอาออก
    ถ้าสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึก ใช้เครื่องมือจับ คีบ เขี่ย หรือดูดออก 

2. ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น โคอะม็อกซิคลาฟ, อะม็อกซีซิลลิน, ร็อกซิโทรไมซิน หรือโคไตรม็อกซาโซล นาน 7-10 วัน

ผลการรักษา ส่วนใหญ่สามารถเอาสิ่งแปลกปลอมออกและไม่มีภาวะแทรกซ้อนตามมา ส่วนน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปล่อยให้สิ่งแปลกปลอมคาอยู่นาน เกิดจากถ่านกระดุมเข้าจมูก หรือสิ่งแปลกปลอมหลุดลงไปในหลอดลม มักมีความยุ่งยากในการรักษา และอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้


การดูแลตนเอง

1. หากพบตั้งแต่แรก ยังไม่มีอาการผิดปกติ และมองเห็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ตื้น ๆ ให้ทำการปฐมพยาบาลดังนี้

    ให้เด็กสั่งน้ำมูกแรง ๆ โดยปิดรูจมูกข้างที่ปกติ หรือใช้ปากคีบหรือแหนบค่อย ๆ คีบวัตถุนั้นออก ระวังอย่าดันให้วัตถุลึกเข้าไปในจมูก ห้ามใช้นิ้วมือ ไม้พันสำลี หรืออุปกรณ์ใด ๆ พยายามเขี่ยเอาสิ่งแปลกปลอมออก เพราะอาจดันให้สิ่งแปลกปลอมลึกเข้าไป
    ถ้าเด็กอยู่ไม่นิ่ง หรือไม่ให้ความร่วมมือ หรือทำการปฐมพยาบาลดังกล่าวไม่ได้ผล ควรไปพบแพทย์

2. ควรรีบไปพบแพทย์ ถ้าพบว่าสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึก หรือไม่เห็นสิ่งแปลกปลอม หรือมีอาการน้ำมูกเป็นหนองมีกลิ่นเหม็น ควรไปพบแพทย์ด่วน ถ้าเกิดจากถ่านกระดุมเข้าจมูก

ทำการดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ ไปพบแพทย์ตามนัด และกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการผิดปกติ (เช่น มีไข้ ปวดจมูก มีน้ำมูกเป็นหนองหรือมีเลือดออก) หรือสงสัยเกิดอาการข้างเคียงจากยาที่รักษา


การป้องกัน

คอยระมัดระวัง เก็บเศษวัตถุ (รวมทั้งถ่านกระดุม) ทิ้ง ไม่ให้เด็กหยิบได้

ห้ามปรามและคอยเฝ้าระวังไม่ให้เด็กเล็กเล่นซนเอาสิ่งแปลกปลอม (เช่น เมล็ดผลไม้ เศษอาหาร เศษยางลบ กระดุม ลูกปัด) แหย่ใส่เข้าไปในจมูก

ข้อแนะนำ

หากมีอาการน้ำมูกเป็นหนองมีกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบในเด็กเล็ก อาจเกิดจากสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูกได้ ควรพบแพทย์เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออก

4
งานมอเตอร์โชว์ NETA X ฝ่ากระแสดราม่า คว้าอันดับ 1 ยอดจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV

บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้วิสัยทัศน์ Tech for All สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า…เพื่อทุกคน เดินหน้าสู่ความสำเร็จอีกขั้น โดย NETA X คว้าอันดับ 1 ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% ประเภทรถอเนกประสงค์ (SUV) ในเดือนตุลาคม 2567 ด้วยยอดจดทะเบียนสูงถึง 570 คัน ตอกย้ำความสำเร็จในการวางตำแหน่งทางการตลาด NETA X เป็น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า สไตล์ SUV คันแรกของคุณ ด้วยสโลแกน เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง
 
มร. ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า "การที่ NETA X ได้รับการตอบรับที่ดี นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ NETA ไม่หยุดยั้งในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยยิ่งขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เหนือกว่า เราเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่ ปี 2565 และมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ NETA วิ่งอยู่บนถนนทั่วประเทศไทยจนถึงเดือนตุลาคม 2567 แล้วกว่า 20,000 คัน ครอบคลุมทั้ง NETA V, NETA V-II และ NETA X ควบคู่กับการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 60 แห่ง รวมทั้งกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก การนำเสนอผลิตภัณฑ์ และการบริการหลังการขายด้วยความเข้าใจความต้องการ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการสร้างความสำเร็จในระยะยาว และช่วยตอกย้ำแผนการดำเนินงานในประเทศไทย ภายใต้กลยุทธ์ ‘All in Thailand, All for Thailand’ จะสามารถยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่องที่ลดการปล่อยมลพิษ และส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่น่าอยู่ร่วมกัน”

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา NETA ได้ทุ่มเทงบประมาณกว่า 12,000 ล้านหยวน เพื่อขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์แพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่ Shanhai และ Yunhe ซึ่งเน้นการออกแบบเชิงอัจฉริยะ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า พร้อมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ถึง 9 รุ่น โดยตั้งแต่ปี 2561 NETA ยังเป็นผู้นำในการริเริ่มและเข้าร่วมโครงการวิจัยระดับชาติมากมาย ส่งผลให้ได้รับสิทธิบัตรกว่า 3,514 รายการ รวมถึงสิทธิบัตรระดับนานาชาติกว่า 100 รายการ ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ NETA ได้พัฒนาแพลตฟอร์มยานยนต์ 2 ประเภทหลัก คือ รถยนต์ไฟฟ้าแบบขยายระยะทาง (EREV) และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (Electric Vehicle) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคยานยนต์ไฟฟ้า
 
ความสำเร็จของ NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ SUV เปิดตัวในประเทศไทย ด้วยการวางตำแหน่งทางการตลาดเป็น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ SUV คันแรกของคุณ (Your First Electric SUV) ที่ออกแบบภายใต้แนวคิดและสโลแกน เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นอย่างดี ทำให้ปัจจุบัน NETA X เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ SUV ที่มียอดจดทะเบียนรถครั้งแรกเป็นอันดับ 1 ในเดือนตุลาคม 2567 โดยมียอดจดทะเบียนสูงถึง 570 คัน ด้วยความโดดเด่นของดีไซน์ทั้งภายนอกที่สวยงาม ทันสมัย และภายใน ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง ตอบโจทย์เรื่องความนั่งสบาย ตามสไตล์เอสยูวี โดยมีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,770 มม. มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 จอแสดงผลขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ช่วยควบคุมทุกฟังก์ชันได้ง่ายดายผ่านหน้าจอ และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถ จุถึง 508 ลิตร เบาะสามารถพับได้ ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1,388 ลิตร อีกทั้งแบตเตอรี่ที่รองรับระยะทางการขับขี่ สูงสุด 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถเป็นเจ้าของ NETA X ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 739,000 บาท

สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ NETA X รุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 - 10 ธันวาคม 2567 และรับรถยนต์ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 10 ธันวาคม 2567
เริ่มต้นดาวน์ 8,888 บาท ผ่อนสูงสุดที่ 84 งวด

ฟรี! เครื่องชาร์จ NETA WALLBOX พร้อมค่าติดตั้ง จำนวน 1 ชุด
ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
ฟรี! ชุดสายชาร์จ
ฟรี! แพคเกจอินเตอร์เน็ตภายในรถยนต์ไม่จำกัดจำนวน (internet in vehicle) ระยะเวลา 3 ปี
ฟรี! รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ High Voltage 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ฟรี! รับประกันรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
ฟรี! ค่าแรงและค่าอะไหล่รถยนต์เมื่อเช็คระยะครั้งแรกที่ 5,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ฟรี! ชุดพรมปูพื้น

5
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







6
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



7
ตรวจโรคเมลิออยโดซิส (Melioidosis)

เมลิออยโดซิส เป็นโรคติดเชื้อรุนแรงที่พบได้ทั้งในคนและสัตว์ พบว่าประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคนี้มากที่สุดในโลก และคาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้นปีละ 2,000-3,000 ราย พบได้ทุกภาคของประเทศ แต่พบมากที่สุดทางภาคอีสาน

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 40-60 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.4 เท่า

ผู้ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อและเป็นโรคนี้ ได้แก่ เกษตรกร และผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการสัมผัสดินและน้ำ (เช่น ทหารที่ฝึกซ้อมในภาคสนาม หรือในการทำสงคราม)

ผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคนี้มักมีโรคประจำตัวร่วมด้วย โดยเฉพาะเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง รวมทั้งผู้ที่มีประวัติดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันนาน ๆ

โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงฤดูฝน (เดือนมิถุนายนถึงกันยายน)

โรคนี้อาจแสดงอาการได้หลายลักษณะ ทั้งเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการก็ได้ (ซึ่งเชื้อจะหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย ต่อมาภายหลังเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็จะมีอาการเกิดขึ้นได้)

นอกจากนี้ยังอาจมีอาการคล้ายโรคติดเชื้ออื่น ๆ (รวมทั้งโรคติดเชื้อร้ายแรง เช่น สแตฟีโลค็อกคัสออเรียส) วัณโรค และมะเร็งต่าง ๆ จึงได้ชื่อว่า ยอดนักเลียนแบบ

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อเมลิออยโดซิส ซึ่งเป็นแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า เบอร์คอลเดเรียสูโดมัลเลไอ (Burkholderia pseudomallei) เชื้ออาศัยอยู่ในดินและน้ำ ส่วนใหญ่เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังที่มีบาดแผล (เช่น บาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการทำงานในท้องไร่ ท้องนา บาดแผลจากอุบัติเหตุ เช่น รถชน รถคว่ำ บาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก บาดแผลจากสงคราม เป็นต้น) โดยการสัมผัสดินโคลน หรือน้ำที่มีเชื้อโดยตรง

นอกจากนี้ อาจติดต่อทางการหายใจ (เช่น การสูดหายใจเอาเชื้อเข้าปอด การสำลักน้ำเข้าปอดในผู้ป่วยที่จมน้ำ เป็นต้น) ทางการกิน (เช่น การดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ) การติดจากผู้ป่วย (คนสู่คน) โดยตรงซึ่งพบได้น้อย การติดเชื้อในห้องปฏิบัติการ และการติดเชื้อในโรงพยาบาล

เชื้อเมลิออยโดซิส เมื่อเข้าสู่ร่างกายสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อแทบทุกระบบของร่างกาย ซึ่งพบบ่อยที่สุดคือ กระแสเลือด รองลงมาคือ ปอด ผิวหนัง และเนื้อเยื่อตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อที่ช่องท้อง (ตับ ม้าม ไต ทางเดินปัสสาวะ ลำไส้ ตับอ่อน ต่อมหมวกไต เยื่อบุช่องท้อง) คอหอยและทอนซิล ต่อมน้ำลายพาโรติด ต่อมน้ำเหลือง กล้ามเนื้อ ข้อและกระดูก สมอง เป็นต้น

การติดเชื้อเมลิออยโดซิส แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ การติดเชื้อเฉพาะที่ กับการติดเชื้อในกระแสเลือด (ซึ่งยังแบ่งย่อยเป็นแบบแพร่กระจาย และแบบไม่แพร่กระจาย)

อาการ

โรคนี้มีอาการแสดงได้หลายลักษณะ

1. ถ้าเป็นแบบเฉียบพลัน มักจะมีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายโรคติดเชื้ออื่น ๆ (เช่น มาลาเรีย ไทฟอยด์ สครับไทฟัส เล็ปโตสไปโรซิส) และมักมีอาการของปอดอักเสบ หรือเป็นฝีกระจายไปทั่วปอด คล้ายการติดเชื้อสแตฟีโลค็อกคัสออเรียส (มีอาการไอ เจ็บหน้าอก หายใจหอบ) บางรายอาจมีการติดเชื้อของตับ (ปวดชายโครงขวา ตับโต ดีซ่าน) ม้าม (ปวดชายโครงซ้าย ม้ามโต) ไต (เป็นฝี) ผิวหนัง (ขึ้นเป็นตุ่มนูน ตุ่มหนอง เป็นฝี เป็นต้น) หรืออวัยวะอื่น ๆ ร่วมด้วย

ในรายที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดแบบแพร่กระจาย มักมีการอักเสบของอวัยวะหลายแห่งพร้อมกัน อาการจะเป็นมากขึ้นรวดเร็วภายใน 2-3 วัน จนเกิดภาวะช็อกจากโลหิตเป็นพิษ และเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง

ในรายที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดแบบไม่แพร่กระจาย มักจะมีอาการไข้ และอาจมีการติดเชื้อของปอดและอวัยวะอื่นร่วมด้วยเพียง 1-2 แห่ง บางรายอาจไม่พบตำแหน่งติดเชื้อชัดเจน อาการมักจะไม่รุนแรงและมีการเปลี่ยนแปลงช้า โอกาสที่เกิดภาวะช็อกค่อนข้างต่ำ และมีอัตราตายต่ำ แต่บางรายอาจกลายเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือดแบบแพร่กระจายในเวลาต่อมาก็ได้

2. ในรายที่มีการติดเชื้อเฉพาะที่ มักจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป เรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี ผู้ป่วยอาจมีไข้ต่ำหรือไม่มีไข้ก็ได้ มักมีอาการน้ำหนักลด และมีอาการแสดงตามความผิดปกติของอวัยวะที่ติดเชื้อ (อาจเกิดเพียง 1 แห่ง หรือพร้อมกันหลายแห่ง) เช่น

    ปอด มีอาการไอเรื้อรัง น้ำหนักลด คล้ายวัณโรคปอด หรือมะเร็งปอด
    ต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอ มีอาการต่อมน้ำเหลืองข้างคอโตเรื้อรัง (อาจมีอาการปวดและแดงร้อนหรือไม่ก็ได้) คล้ายวัณโรคต่อมน้ำเหลือง หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    ผิวหนัง มีรอยโรคได้หลายแบบ อาจเริ่มด้วยก้อนนูนขนาด 1-2 ซม. อาจมีอาการเจ็บ แต่ไม่มีอาการแดงร้อน (ทำให้ไม่คิดถึงการอักเสบ) หรืออาจมีอาการของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ การติดเชื้อของบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือแผลอักเสบ หรือเป็นฝีแล้วแตกออกเป็นแผล (อาจกลายเป็นแผลเรื้อรังเป็นสัปดาห์ ๆ ถึง 10 ปี) รอยโรคที่ผิวหนังอาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายแห่ง และเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของผิวกาย บางรายอาจมีภาวะโลหิตเป็นพิษแทรกซ้อนได้
    ตับ เป็นฝี เป็นก้อนบวมคลำได้ที่ใต้ชายโครงขวา
    ม้าม เป็นฝี เป็นก้อนบวมคลำได้ที่ใต้ชายโครงซ้าย
    คอหอยและทอนซิล มีอาการไข้ เจ็บคอ ทอนซิลบวมโต เป็นหนองแบบทอนซิลอักเสบ อาจมีประวัติว่าได้ยารักษาทอนซิลอักเสบมา 1-2 สัปดาห์แล้วยังไม่ดีขึ้น
    กล้ามเนื้อและกระดูก พบกล้ามเนื้ออักเสบเป็นหนอง (pyomyositis) กระดูกอักเสบเป็นหนอง (osteomyelitis) ข้ออักเสบ (ข้อบวมแดงร้อน)
    ทางเดินปัสสาวะ พบทางเดินปัสสาวะอักเสบ ฝีไต ฝีรอบไต (perirenal abscess)
    อื่น ๆ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีสมอง ก้านสมองอักเสบ (brain stem encephalitis) ฝีลำไส้ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ฝีต่อมหมวกไต ฝีตับอ่อน เป็นต้น

ในเด็ก (อายุต่ำกว่า 14 ปี) มักจะพบต่อมน้ำลายข้างหู (พาโรติด) อักเสบเป็นหนอง (suppurative parotitis) ซึ่งไม่พบในผู้ใหญ่ มักเป็นเพียงข้างเดียว โดยมีอาการไข้ ปวดบวมบริเวณหน้าหูคล้ายคางทูม ก้อนจะบวมแดงมากขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ และอาจมีตุ่มหนองขึ้นที่ผิวหนังบริเวณที่บวม หนองไหลออกจากหูข้างเดียวกัน หรือมีหนังตาอักเสบ (periorbital cellulitis) ร่วมด้วย บางรายอาจมีการติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมด้วย ซึ่งอาจรุนแรงถึงตายได้

โดยทั่วไป การติดเชื้อเฉพาะที่มักไม่รุนแรง มักไม่เกิดภาวะช็อก และมีอัตราตายต่ำ แต่บางรายปล่อยไว้ไม่รักษา อาจมีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือดแบบแพร่กระจายเกิดภาวะช็อก เป็นอันตรายได้

ภาวะแทรกซ้อน

ที่ร้ายแรงและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก็คือ ภาวะช็อกจากโลหิตเป็นพิษ และภาวะการหายใจล้มเหลว

อาจพบภาวะแทรกซ้อนทางปอด เช่น ภาวะมีหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด ภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด

อาจพบภาวะแทรกซ้อนของระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในรายที่เป็นเฉียบพลัน มักมีไข้สูง หายใจหอบ ฟังปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) อาจมีตับโต ม้ามโต (อาจกดเจ็บหรือไม่ก็ได้) ดีซ่าน หรือมีเลือดออกใต้เยื่อบุตา (subconjunctival hemorrhage) อาจพบรอยโรคที่ผิวหนัง (ตุ่มนูน ตุ่มหนอง ฝี)

ในรายที่รุนแรงมักพบภาวะช็อก

ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจมีไข้สูง ไข้ต่ำ ๆ หรือไม่มีไข้ก็ได้ มักมีน้ำหนักลด (ซูบผอม) ภาวะซีด และพบรอยโรคของอวัยวะที่เป็นโรค เช่น ปอด (มีเสียงกรอบแกรบ) ตับโต ม้ามโต ผิวหนัง (ตุ่มนูน ตุ่มหนอง ฝี แผลอักเสบ หรือแผลเรื้อรัง) ต่อมน้ำเหลืองโต ต่อมน้ำลายข้างหูโต (คางทูม) ทอนซิลบวมแดงเป็นหนอง ข้อบวมแดงร้อน เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (คอแข็ง)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจพบเชื้อโดยการย้อมหรือเพาะเชื้อจากเลือดหรือสิ่งคัดหลั่ง (เสมหะ ปัสสาวะ หนองจากผิวหนังหรือฝีของอวัยวะต่าง ๆ) อาจทำการทดสอบทางน้ำเหลือง (เช่น indirect hemagglutination test, ELISA) ทำการเอกซเรย์ปอด ตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง (ดูฝีในตับ ม้าม ไต) เจาะหลัง (ในรายที่สงสัยมีการติดเชื้อของสมอง) ตรวจเลือดดูการทำงานของตับและไต (AST, ALT, BUN, creatinine) ตรวจปัสสาวะ (ดูการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่เป็นรุนแรง แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้การดูแลตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ให้สารน้ำและเกลือแร่ ออกซิเจน ใช้เครื่องช่วยหายใจ ผ่าระบายหนอง เป็นต้น

ที่สำคัญคือต้องให้ยาปฏิชีวนะ ได้แก่ เซฟทาซิไดม์ (ceftazidime) ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ อาจให้เพียงชนิดเดียว หรือให้ร่วมกับโคไตรม็อกซาโซลเข้าหลอดเลือดดำ บางกรณีอาจให้โคอะม็อกซิคลาฟ หรือยาปฏิชีวนะชนิดอื่นแทน

เมื่อดีขึ้นจะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน แบบเดียวกับที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงต่อไปอีก 20 สัปดาห์

2. ในรายที่อาการไม่รุนแรงหรือเป็นเรื้อรัง จะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน เช่น

    โคไตรม็อกซาโซล ร่วมกับดอกซีไซคลีน
    ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หรือแพ้ยาข้างบน ให้โคอะม็อกซิคลาฟ

เมื่ออาการดีขึ้น (มักใช้เวลาประมาณ 10 วันหลังจากเริ่มให้ยา) ควรให้กินติดต่อกันนาน 20 สัปดาห์

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ถ้ามีอาการรุนแรงและเพาะเชื้อจากเลือดให้ผลบวก (ภาวะโลหิตเป็นพิษ) มีอัตราตายร้อยละ 40-75

ถ้ามีการติดเชื้อหลายแห่ง แต่เพาะเชื้อจากเลือดให้ผลลบ มีอัตราตายประมาณร้อยละ 20

ถ้ามีการติดเชื้อเฉพาะที่เพียง 1 แห่ง มีอัตราตายต่ำ ส่วนใหญ่มักจะหายเป็นปกติ

ผู้ป่วยต้องกินยานาน 20 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกลับกำเริบใหม่ พบว่าถ้าให้ยาน้อยกว่า 8 สัปดาห์ มีอัตราการกลับกำเริบใหม่ร้อยละ 23 และผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอัตราตายประมาณร้อยละ 27


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูงร่วมกับอาการหนาวสั่น หรือมีไข้เรื้อรังเป็นสัปดาห์ ๆ ไอเรื้อรัง น้ำหนักลด ต่อมน้ำเหลืองโต แผลเรื้อรัง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นเมลิออยโดซิส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    กินยาปฏิชีวนะให้ครบตามระยะที่แพทย์กำหนด (อาจนานถึง 20 สัปดาห์) ถึงแม้อาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 10 วัน
    มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อคลั่ง ชัก หรือแขนขาอ่อนแรง
    หายใจหอบ หรือเจ็บหน้าอกมาก
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันโรคนี้อย่างได้ผล

สำหรับพื้นที่ที่มีโรคนี้ชุกชุม ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง และผู้ที่มีบาดแผลตามร่างกาย อาจลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเมลิออยโดซิส โดยการหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่ท่วมขังหรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ หรือลงแช่น้ำในห้วยหนองคลองบึง ถ้าต้องเดินย่ำน้ำหรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ (ตามตรอก ซอย คันนา ท้องนา ท้องไร่) ให้ใส่รองเท้าบู๊ตหรือรองเท้าหุ้มข้อ

อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นกลุ่มเสี่ยง (เช่น ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้สเตียรอยด์นาน ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีโรคนี้ชุกชุม) ให้เฝ้าระวังการเกิดโรคนี้ ถ้ามีอาการน่าสงสัยก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ให้การรักษาแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามและการเกิดภาวะแทรกซ้อน

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการคล้ายโรคติดเชื้อหลายชนิด ทุกครั้งที่วินิจฉัยแยกแยะอาการของโรคติดเชื้อ (เช่น ไข้ ไอ รอยโรคที่ผิวหนัง เป็นต้น) ควรคิดถึงโรคนี้ไว้ด้วยเสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ทางภาคอีสานและมีโรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้ยาสเตียรอยด์มานาน ๆ หรือในกรณีให้การรักษาโรคติดเชื้ออื่น ๆ (เช่น คางทูม ทอนซิลอักเสบ ฝี แผล ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ข้ออักเสบ เป็นต้น) แล้วไม่ดีขึ้น ก็อาจเกิดจากโรคนี้ก็ได้

ในรายที่มีไข้และไอเรื้อรัง น้ำหนักลด ต้องแยกระหว่างวัณโรคปอดกับเมลิออยโดซิส ถ้าตรวจไม่พบเชื้อวัณโรคในเสมหะ หรือให้ยารักษาวัณโรคแล้วไม่ดีขึ้น ก็อาจเกิดจากเมลิออยโดซิสได้

2. โรคนี้บางครั้งมีอาการคล้ายมะเร็ง คือ น้ำหนักลดรวดเร็ว และมีก้อนบวม (เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้ก้อนตับหรือม้ามที่ค่อย ๆ โตขึ้น) นานเป็นแรมเดือนแรมปี หากผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นเมลิออยโดซิส ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจยืนยัน และถ้าเป็นโรคนี้จริงก็สามารถให้การรักษาให้หายขาดได้

3. ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ จำเป็นต้องรักษาอย่างจริงจังและกินยาต่อเนื่องนาน 20 สัปดาห์ หากกินไม่สม่ำเสมอหรือกินไม่ครบตามกำหนด ก็อาจมีอาการกำเริบใหม่ได้ (มักเกิดภายใน 21 สัปดาห์ หลังหยุดยา บางรายอาจนานถึง 5 ปีกว่า) ผู้ป่วยที่มีอาการกำเริบใหม่อาจเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

8
ขายรถผู้บริหาร Volvo XC40 Twin Motor รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท

วอลโว่ Volvo XC40 Recharge Pure Electric Twin Motor ปี 2023
Volvo XC40 Recharge Pure Electric ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไออน 82 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 645 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ NDEC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชม.

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 29 ต.ค. - 30 พ.ย. 2567
รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท เมื่อแจ้งว่าติดต่อจาก CheckRaka
ประกันภัยชั้น 1 + กล้อง DVR + MW

ราคาพิเศษ 2,090,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Volvo
   รุ่น                   วอลโว่ Volvo XC40 Recharge Pure Electric Twin Motor ปี 2023
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว           2023




9
รถยนต์ใหม่ 2024 ฮุนได Hyundai Staria Premium with sunroof (euro5) ปี 2024
2,419,000 บาท 

ฮุนได Hyundai Staria Premium with sunroof (euro5) ปี 2024
Hyundai STARIA Premium with sunroof ได้รับการออกแบบพิเศษรอบคัน ดีไซน์ด้านหน้าออกแบบให้มีความกลมกลืนไปกับตัวรถและแผงไฟหน้า ติดตั้งแผงไฟ LED ใหม่พร้อมระบบเปิด ปิด อัตโนมัติ ดีไซน์ Brass Chrome สำหรับตัวถังสีดำและ Dark Chrome สำหรับตัวถังสีขาว บริเวณกระจังหน้า กันชนด้านหน้าและหลังและล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว กระจกบังลมด้านหน้าลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร และ หลังคา Dual Sunroof ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความหรูหรา ภายในตกแต่งด้วยวัสดุ Suade ไฟเรืองแสงในห้องโดยสารปรับได้ถึง 10 แบบ ที่เปิดประตูคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า แป้นคันเร่งและเบรก ตกแต่งด้วยโครเมียมและอลูมิเนียม ชุดแต่งบันไดข้างดีไซน์พิเศษ ชุดเครื่องเสียง BOSE ลำโพง 12 ตำแหน่ง มอบความสะดวกสบายและสุนทรียภาพทุกการเดินทาง

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                Hyundai
   รุ่น                     ฮุนได Hyundai Staria Premium with sunroof (euro5) ปี 2024
   ประเภทรถ            รถอเนกประสงค์ MPV
   ปีที่เปิดตัว             2024
   ราคา                 2,419,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (โลโก้, กระจังหน้า, กันชนหน้า, กันชนหลัง, กระจกข้าง, มือจับประตู โครเมียม)
ซันรูฟ (เปิดได้) (ควบคุุมด้วยระบบไฟฟ้า 2 บาน)
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค (ดวงที่ 3 แบบ LED)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
กระจกกรองแสง
ไฟหน้ามัลติรีแฟลกเตอร์
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง (ที่ปัดน้ำฝนหน่วงเวลาหน้าและหลัง)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (หลังคา Sunroof ระบบไฟฟ้า 2 บาน, ประตูสไลด์ไฟฟ้าสองข้างพร้อมระบบ Smart)
ล้ออัลลอย (ขนาด 18 นิ้ว)
ไฟหน้า LED (แบบโปรเจคเตอร์, ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ)
ไฟท้าย LED (แบบ Parametric Pixel LED)
ขนาดยางหน้า-หลัง (235/55 R18)
ไฟ Daytime Running Lights (แบบ LED)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (แผงคอนโซลตกแต่งด้วยลายตะเข็บพิเศษ, ตกแต่งภายในด้วยวัสดุ Suede, ไฟ Ambient Light รอบห้องโดยสาร)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์ (1 ช่อง)
พวงมาลัยหุ้มหนัง (Perforated, และ ปรับระดับ สูง-ต่ำ เข้า-ออก)
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
ม่านบังแดด (ผู้โดยสารตอนหลัง)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold, ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบปุ่มกด Shift-by-Wire, ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร , หน้าจอแสดงผลการขับขี่ความละเอียดสูงแบบ LCD 10.25?)

สเปค
   เครื่องยนต์         เครื่องดีเซล 2.2 ลิตร (ยูโร5) Commonrail Direct Injection 177 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด 431 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 2,500 รอบต่อนาที เกียร์ 8 จังหวะ พร้อม Paddle Shift EURO 4
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)           2,199 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)        177 แรงม้า
   ระบบเกียร์                          เกียร์ออโต้ 8AT
   รูปแบบเกียร์                        พร้อม Paddle Shift
   ระบบเบรค ABS                   มี (EBD)
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง           ดีเซล, พรีเมียมดีเซล, ไบโอดีเซล B20
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)           N/A
   ระบบจ่ายน้ำมัน                   Commonrail Direct Injection
   น้ำหนักตัวรถ                       -
   ประเภทยางรถยนต์                -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                   ล้ออัลลอย (ขนาด 18 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                  ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (เมื่่อมีลมปะทะข้างตัวรถ CSC)
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
สัญญาณกันขโมย
กุญแจรีโมท (พร้อมระบบ Smart Keyless Entry)
ล็อคประตูอัตโนมัติ
สัญญาณเตือนถอยหลัง (เซ็นเซอร์กะระยะการเข้าจอด (หน้า / หลัง))
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
เข็มขัดนิรภัย (ระบบแจ้งแรงดันลมยางอัตโนมัติTPMS,ระบบช่วยหยุดรถเมื่่อเกิดอุุบัติเหตุุMCB,ระบบเตืือนและเบรกฉุุกเฉิินอััตโนมััติิ FCA, ระบบเตืือนและเบรกฉุุกเฉิินอััตโนมััติิที่ทางแยก FCA-JT,ระบบช่่วยควบคุุมรถให้้อยู่่ในเลน LKA,)
อื่นๆ (Hyundai SmartSense, ระบบเตือนให้เช็คผู้โดยสารตอนหลัง ROA (Rear Occupant Alert),ระบบช่วยควบคุุมรถให้้อยู่่กลางเลน LFA, ระบบช่่วยเตืือนและเบรกอััตโนมััติิขณะถอยรถ RCCA)
ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE system)
กล้อง (มองหลังแสดงภาพขณะถอยจอด, กล้องมองรอบทิศทาง)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (ระบบกล้องมองภาพจุดอับสายตา BVM (Blind-Spot View Monitor) ระบบเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA (Blind-Spot Collision-Avoidance Assist))
เทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Cross Wind Stability Control ระบบควบคุมเสถียรภาพเมื่อมีลมปะทะข้างตัวรถ)
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA
ระบบเตือนก่อนเปืดประตู Door Open Warning (DOW) (ระบบป้องกันการเปิดประตููสไลด์์เมื่่อมีรถวิ่่งมาด้านข้าง SEA)

10
บริหารจัดการอาคาร: ดูแลรักษาเครื่องทำน้ำอุ่น ให้ประหยัดและปลอดภัย !

เครื่องทำน้ำอุ่น ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความสะดวกสบายกับผู้อยู่อาศัย และจำเป็นสำหรับหลายครอบครัว เพราะนอกจากจะให้ความสบาย ผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยในเรื่องของสุขภาพของคนในบ้านด้วย หากเราพูดถึงเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหนึ่งชิ้นที่สำคัญที่จะต้องมีแทบทุกบ้าน เพราะน้ำเย็น ๆ ที่ส่งผ่านฝักบัวมาในยามเช้าหรือกลางดึก อาจจะทำให้การอาบน้ำของทุกวันเป็นเรื่องยากลำบาก ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน และความต้องการของแต่ละคน บางคนก็ชอบอาบน้ำเย็นเพื่อให้รู้สึกสดชื่น แต่ในขณะที่หลายคนก็ชอบอาบน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายร่างกายจากความเหนื่อยล้าจากการทำงาน


ดังนั้น ตัวช่วยที่ดีก็คงหนีไม่พ้นเครื่องทำน้ำอุ่น ยิ่งในช่วงหน้าหนาว หากขาดเครื่องทำน้ำอุ่นไป ก็คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ในปัจจุบันเครื่องทำน้ำอุ่นสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าและท้องตลาดทั่วไป มีราคาที่ไม่แพงและสามารถติดตั้งได้ด้วยตนเอง แต่ในขั้นตอนการติดตั้งนั้น ก็ต้องอยู่ในพื้นฐานของความปลอดภัย เราต้องหมั่นตรวจสอบดูด้วยว่า เครื่องทำน้ำอุ่นของเรามีการติดตั้งสายดินแล้วหรือยัง หากมีการติดแล้วให้ตรวจดูว่าสายดินหลุดหรือไม่ และ ที่สำคัญคือจะต้องหมั่นตรวจเช็คว่ามีไฟรั่วหรือไม่ ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาพูดถึงเรื่องของการดูแลรักษาเครื่องทำน้ำอุ่นให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและประหยัดมากที่สุด เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่ต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่นทุกวัน เพื่อความปลอดภัยของคนในครอบครัว

สิ่งที่เราจะต้องคำนึงเป็นอย่างแรกในการใช้เครื่องทำน้ำอุ่น หรือแม้กระทั่งการบำรุงรักษาก็ต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัย การล้างเครื่องทำน้ำอุ่น จำเป็นต่อการบำรุงรักษาเครื่องทำน้ำอุ่นให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพราะจะลดการอุดตันภายในส่วนต่างๆของเครื่องทำน้ำอุ่น จากการที่มีคราบเศษตะกอนของหินปูนที่เข้าไปสะสม ทำให้น้ำไหลผ่านไม่สะดวก รวมถึง ปิดสวิตซ์เครื่องทำน้ำอุ่นทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรภายในตัวเครื่องด้วย สำหรับวิธีบำรุงรักษาเราหมั่นเช็ดทำความสะอาดบริเวณฝักบัว เพราะอาจมีตะกอนไปอุดตันทางออกของน้ำ โดยใช้เข็มแทงเข้าไปที่รูของฝักบัวเพื่อขจัดสิ่งอุดตัน หรืออีกวิธีคือ แช่หัวฝักบัวในน้ำส้มสายชูข้ามคืนเพื่อสลายตะกรันให้หลุดไป และควรหมั่นตรวจเช็คสวิตช์ป้องกันกันไฟรั่วไฟดูดอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และก่อนที่เราจะทำความสะอาดเครื่อง จะต้องปิดสวิตซ์และเบรกเกอร์ควบคุมไฟฟ้าทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย เพราะอาจจะเสี่ยงทำให้เกิดไฟดูดได้


หากมีสายไฟชำรุดโดยที่เราไม่รู้ตัว สำหรับการทำความสะอาดภายนอกเครื่องทำน้ำอุ่น ควรใช้ผ้านุ่มชุบน้ำบิดให้แห้ง แล้วจึงเช็ดทำความสะอาด บางรุ่นจะมีตัวกรองทางน้ำเข้า เราต้องถอดตัวกรองมาล้างทำความสะอาดด้วย ไม่ควรนำผ้าเปียกชุ่มน้ำไปเช็ดทำความสะอาดเครื่องทำน้ำอุ่น หรือฉีดพ่นน้ำที่ตัวเครื่องโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดไฟช็อตและอาจจะเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ เห็นไหมว่า การทำความสะอาดเครื่องทำน้ำอุ่นนั้น ไม่ยากเลย แต่สิ่งที่สำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งาน คือเราจะต้องใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างถูกวิธี เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรมนิดเดียว เครื่องทำน้ำอุ่นก็จะสามารถใช้งานไปอีกนาน

 เพราะว่าเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นอุปกรณ์ที่ ทนทานมากๆ แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในห้องน้ำซึ่งเสี่ยงจะเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ง่าย ดังนั้น เวลาเลือกซื้อจึงต้องคำนึงถึงระบบความปลอดภัยของตัวเครื่องเป็นหลัก ตามมาตรฐานความปลอดภัยควรมีเครื่องป้องกันไฟฟ้ารั่วพร้อมคู่มือการใช้งาน ตัวเครื่องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มีใบรับรองคุณภาพ พร้อมเครื่องหมาย มอก. หากจะให้ดีควรมีฉลากกำกับแสดงรายละเอียดสินค้า ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายที่เห็นข้อความชัดเจนและครบถ้วนด้วย

หรือถ้าหากอยากติดตั้งแต่ไม่ชัวร์ว่าจะปลอดภัยหรือไม่ สามารถติดต่อทางเราได้ เพราะเรามีบริการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น รวมไปถึงบริการการจัดการน้ำต่างๆทั้งตามบ้านเรือนและอาคารสถานที่ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและติดตั้งระบบปั๊ม ระบบสุขาภิบาล มีทีมช่างเฉพาะทางที่พร้อมจะเข้าไปดูแล บำรุงรักษา ในส่วนของการจัดการระบบน้ำประปาและระบบสุขาภิบาลได้อย่างมีคุณภาพ เพราะคำนึงในเรื่องของความปลอดภัยของลูกค้า เพื่อให้มีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันและมีคุณภาพชีวิตและอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี

11
พ่อแม่จะรู้ได้อย่างไร ว่าลูกสมควรจัดฟันเด็ก ?

การดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันของเด็กมีความสำคัญมาก พ่อแม่ควรดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากในช่วงเด็กในเรื่องของสุขภาพฟันถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะฟันจะอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิต ดังนั้น การดูแลฟันตั้งแต่อายุยังน้อยจึงเป็นเรื่องที่จะต้องใส่ใจให้มาก ดังนั้น ทางทันตกรรมจึงมีนวัตกรรมใหม่ที่สามารถให้เด็กได้รับเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย การให้การรักษาทางทันตกรรมจัดฟันนั้นมีหลายช่วงอายุ ซึ่งทันตแพทย์ ต้องพิจารณาตามความผิดปกติและพัฒนาการของกะโหลกศีรษะและใบหน้าร่วมด้วย เพราะเด็กบางคนมีปัญหาในเรื่องของโครงสร้างใบหน้าด้วย


โดยมีแนวทางพิจารณาก็คือ ถ้าหากเด็กมีความผิดปกติของความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบนและล่าง ก็ควรจะเริ่มการบำบัดรักษาตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อป้องกันมิให้ปัญหาลุกลามได้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าการจัดฟันเพื่อแก้บางปัญหาสามารถทำได้ตั้งแต่ในเด็ก ไม่ต้องรอฟันน้ำนมหลุดหมดก่อนหรือรอจนฟันแท้ขึ้นครบ การรักษาตั้งแต่เริ่มแรกอาจจะทำให้ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่า แล้วยังไม่ยุ่งยาก ลดค่าใช้จ่าย และได้ผลการรักษาที่ดีและมีประสิทธิภาพด้วย เพื่อให้เด็กได้รู้จักและทำความเข้าให้สำคัญเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ตระหนัก เอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มากขึ้น


เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะคอยสังเกตอาการผิดปกติในเรื่องของฟันของเด็กให้มาก เพราะการที่เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้พัฒนาการเด็กดีขึ้นตามไปด้วย ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองสังเกตอาการผิดปกติของฟันของลูกและหากพบความผิดปกติก็ควรจะพาลูกเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟัน แต่พ่อแม่ผู้ปกครองจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกควรที่จะเข้ารับการจัดฟัน วันนี้ทางคลินิกมีข้อแนะนำเกี่ยวกับการสังเกตอาการผิดปกติของฟันของเด็กที่ควรที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก อย่างแรกเลยพ่อแม่ควรที่จะสังเกตว่า ลูกมีฟันเกฟันซ้อนหรือไม่


ซึงฟันเก ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดที่บ่งบอกว่าลูกต้องการใช้เครื่องมือจัดฟันคือฟันที่งอกทับซ้อนกัน และอาการฟันล่างครอบฟันบนกับฟันเหยิน รวมถึงฟันที่ขึ้นมาอย่างคดงอและขึ้นมาแบบเบียดกันจนแออัดเกินไป ดังนั้น เครื่องมือจัดฟันสำหรับเด็กสามารถช่วยจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาการสบฟันของเด็ก ต่อมาคือ ภาวะฟันน้ำนมที่หลุดเร็วเกินไป เพราะการสูญเสียฟันน้ำนมในช่วงแรกอาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือจากการบาดเจ็บหรือความเจ็บป่วย เมื่อฟันแท้ไม่พร้อมที่จะขึ้นมาเติมเต็มช่องว่าง ฟันจึงเคลื่อนที่เพื่อเติมเต็มช่องว่างด้วยตนเอง ทันตแพทย์จะต้องใช้เครื่องมือจัดฟันเพื่อป้องกันฟันแท้ของพวกเขาไม่ให้ขึ้นมาแบบคดงอหรือขึ้นมาแบบทับซ้อนกัน เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


และข้อสุดท้ายที่พ่อแม่ควรที่คอยสังเกตให้ดีก็คือ พฤติกรรมที่ผิดปกติในวัยเด็ก ก็คือพฤติกรรมดูดนิ้ว หากเด็กยังไม่ถึงอายุก่อนวัยเรียน ก็อาจจะยังเป็นที่ยอมรับได้ที่เด็กจะยังคงดูดนิ้วหัวแม่มืออยู่ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเด็กมีอายุมากกว่า 4 หรือ 5 ปี แต่ยังมีพฤติกรรมติดดูดนิ้วอยู่ พ่อแม่อาจต้องพาลูกไปพบทันตแพทย์ทันที เพราะการที่เด็กดูดนิ้ว เป็นระยะเวลายาวสามารถผลักฟันออกจากแนว และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของกระดูกขากรรไกรของเด็ก เครื่องมือจัดฟันสามารถช่วยดึงฟันกลับเข้าที่ได้นั่นเอง


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก รวมถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมในเด็ก และยังสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

12
เที่ยววัด ไหว้พระ 10 วัด กรุงเทพฯ เสริมบุญบารมีต้อนรับสิ่งใหม่ ๆ

ชวนไหว้พระ 10 วัดรอบกรุงเทพฯ เป็นวัดที่อยู่ใกล้กับสนามหลวง สามารถจัดทริปไหว้พระ 10 วัดกรุงเทพฯ ใน 1 วันได้ เป็นที่เที่ยวกรุงเทพฯ ดี ๆ ที่สามารถเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว

          สำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ใคร ๆ ก็อยากที่จะหาสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเอง การไปไหว้พระตามวัดสำคัญต่าง ๆ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีทีเดียวค่ะ วันนี้เราจึงได้รวบรวม 10 วัดใกล้สนามหลวงมาฝากกัน เพื่อให้สามารถจัดทริปไหว้พระ 10 วัด ในกรุงเทพฯ ได้แบบสบาย ๆ ไปดูกันค่ะว่าจะมีที่ไหนบ้าง


1. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

          วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เป็นวัดที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร ด้วยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระคู่บ้านคู่เมืองของเมืองไทย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2325 พร้อมกับการสร้างพระบรมมหาราชวังและกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

          นอกจากพระแก้วมรกตแล้ว ภายในยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสถานที่ต่าง ๆ อันมีสถาปัตยกรรมที่งดงามให้ได้เที่ยวชมอีกมากมาย เช่น พระอุโบสถ, ศาลาราย, พระศรีรัตนเจดีย์, ปราสาทพระเทพบิดร หรือพระพุทธปรางค์ปราสาท, พระมณฑป, หอมณเฑียรธรรม, หอคันธารราษฎร์, หอพระนาก, พระวิหารยอด, นครวัดจำลอง, พระโพธิธาตุพิมาน, พระบรมราชานุสาวรีย์ประจำรัชกาล, พระอัษฎามหาเจดีย์ หรือพระปรางค์แปดองค์, พระมณฑปยอดปรางค์ และหอระฆัง เป็นต้น

          วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักพระราชวัง โทรศัพท์ 0 2623 5500 ต่อ 3100


2. วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

          วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตั้งอยู่บริเวณถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ถือได้ว่าเป็นอีกวัดที่สำคัญของกรุงเทพฯ ด้วยมีพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์เคยมาผนวชอยู่ที่นี่ แต่เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่า "วัดใหม่" โดยเมื่อปี พ.ศ. 2379 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงอาราธนาสมเด็จพระอนุราชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎฯ (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4) ซึ่งทรงผนวชเป็นพระภิกษุประทับอยู่วัดสมอราย (คือวัดราชาธิวาสในปัจจุบัน) เสด็จมาอยู่ครอง และสมเด็จพระอนุราชาธิราชเจ้าฟ้ามงกุฎฯ ก็ทรงได้ปรับปรุงวางหลักเกณฑ์ความประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ให้เป็นไปโดยถูกต้องตามพระธรรมวินัย

          ปัจจุบันวัดบวรนิเวศราชวรวิหารเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมสถาปัตยกรรมของอาคารต่าง ๆ พร้อมทั้งไหว้พระขอพร โดยมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น พระอุโบสถ, พระเจดีย์ใหญ่, วิหารพระศาสดา, พระตำหนักเพชร, พระตำหนักจันทร์, หอระฆัง, หอไตร และพระตำหนักใหญ่ เป็นต้น

          ทั้งนี้วัดบวรนิเวศราชวรวิหารยังเป็น 1 ใน 2 วัด ที่เป็นสถานที่เก็บพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้มีการบรรจุพระบรมราชสรีรางคารไว้ที่ฐานของพระพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ ภายในพระอุโบสถ โดยมีการเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะด้วย


3. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

          วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นวัดประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2412 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม ซึ่งมีการผสมผสานทั้งสถาปัตยกรรมไทยและตะวันตกเข้าด้วยกัน จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธอังคีรส พระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงาม ประดิษฐานอยู่บนฐานของชุกชีหินอ่อนจากอิตาลี นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังเป็นวัดประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 อีกด้วย เพราะพระองค์ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารจึงเปรียบเสมือนวัดประจำพระองค์เช่นกัน

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร มีสิ่งที่น่าสนใจ อาทิ พระเจดีย์, พระอุโบสถ, พระระเบียงหรือพระวิหารคด, พระวิหาร, วิหารทิศหรือวิหารมุข, ศาลาราย, หอระฆังและหอกลอง เป็นต้น

          และที่สำคัญยังเป็น 1 ใน 2 วัด ที่เป็นสถานที่เก็บพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้บรรจุพระบรมราชสรีรางคารไว้ที่ถ้ำศิลาใต้ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส ภายในพระอุโบสถ เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะทุกวัน ในเวลา 08.00-10.00 น. และ 16.00-18.30 น.


4. วัดอรุณราชวราราม

          วัดที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาเที่ยวกรุงเทพฯ ต่างต้องแวะไปเที่ยวชมวัดอรุณฯ กันสักครั้ง วัดแห่งนี้ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับฝั่งของพระบรมมหาราชวัง เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมมีชื่อว่า วัดมะกอก ต่อมาสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดย้ายราชธานีมาตั้งที่กรุงธนบุรี และได้มีการล่องเรือมาจนสว่างที่นี่ จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดแจ้ง จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ก็ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ และพระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ต่อมาสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก็มีการบูรณปฏิสังขรณ์เพิ่มอีก และเปลี่ยนชื่อเป็น วัดอรุณราชวราราม

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร มีสัญลักษณ์สำคัญ คือ พระปรางค์ ซึ่งมีลักษณะทรงขอม องค์พระปรางค์ประธานสูงถึง 81.85 เมตร ประดับด้วยชิ้นเปลือกหอย กระเบื้องเคลือบ จานชามเบญจรงค์สีต่าง ๆ อย่างสวยงาม เปิดให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าไปเที่ยวชมและกราบไหว้ขอพรทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-17.30 น.


5. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

          วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งแรกโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยได้มีการก่อสร้างใหม่ในปี พ.ศ. 2332 และได้เปลี่ยนจากชื่อ วัดโพธาราม เป็น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก็ได้ทรงเปลี่ยนสร้อยนามใหม่เป็น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

          การบูรณปฏิสังขรณ์ที่สำคัญอีกช่วงหนึ่งคือสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้มีการสร้างปูชนียวัตถุและปูชนียสถานเพิ่มเติม และขยายอาคารบางหลังให้ใหญ่ขึ้น มีนายช่างจากหลากหลายแขนงมาช่วยกันทำงานด้านศิลปกรรม จนมีความสง่างามมาจนถึงปัจจุบัน

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร มีสิ่งที่น่าสนใจภายในวัด เช่น พระวิหารพระพุทธไสยาส, พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล, พระอุโบสถ, พระมณฑป, พระระเบียง, พระวิหารทิศ, พระวิหารคด และศาลาการเปรียญ เป็นต้น


6. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

          เป็นอีกสัญลักษณ์สำคัญของไทยที่เรามักจะเห็นติดไปกับภาพของเสาชิงช้า โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนตีทองและถนนบำรุงเมือง หน้าวัดหันออกทางถนนอุณากรรณ สร้างโดยพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระองค์พระราชทานนามว่า "วัดมหาสุทธาวาส" แต่พระวิหารที่มีการสร้างใหม่ยังไม่ทันเสร็จก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดให้ทำการบูรณะสร้างพระวิหารจนสำเร็จแล้ว โปรดให้สร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ สัตตมหาสถาน และสร้างกุฏิสำนักสงฆ์ประดิษฐานสังฆาราม จากนั้นพระราชทานนามว่า "วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร"

          ภายในวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์มาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีด้วย

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พระอุโบสถ, พระวิหาร, พระวิหารคด หรือพระระเบียง, ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช, ศาลาวิหารทิศ และหอระฆัง เป็นต้น


7. วัดราชนัดดารามวรวิหาร

          วัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยเป็นที่ตั้งของโลหะปราสาท ซึ่งมีหลงเหลือเพียงแห่งเดียวของโลกเท่านั้น วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งพระองค์ทรงทรงสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติแก่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี จึงทรงพระราชทานนามว่าวัดราชนัดดาราม เมื่อปี พ.ศ. 2386 ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย อาทิ พระอุโบสถ,  พระวิหาร, ศาลาการเปรียญ, กำแพงแก้วและศาลาราย, หอระฆัง, เขาพระฉาย ฯลฯ

          และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ "โลหะปราสาท" พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2389 มีการจำลองแบบมาจากประเทศศรีลังกา มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีสถาปัตยกรรมแบบไทย เป็นอาคาร 7 ชั้น ลดหลั่นความกว้างกันลงมา อาคารชั้นล่าง ชั้นที่ 3 และชั้นที่ 5 เป็นคูหาและระเบียงรอบ ส่วนชั้นที่ 2 ชั้นที่ 4 และชั้นที่ 6 ทำเป็นคูหาจตุรมุขมียอดเป็นบุษบกชั้นละ 12 ยอด และชั้นที่ 7 เป็นยอดปราสาทจตุรมุขสำหรับประดิษฐานพระบรมธาตุ รวมเป็น 37 ยอด แต่ละชั้นจะมีบันไดวนตรงกลางปราสาทให้เดินขึ้นไป

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 2224 8807


8. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร

          เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ อาทิ พระราชวังดุสิต พระที่นั่งอนันตสมาคม พระตำหนักจิตลดารโหฐาน สวนสัตว์ดุสิต และทำเนียบรัฐบาล โดยจะตั้งอยู่บนถนนนครปฐมติดคลองเปรมประชากร เป็นอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร

          ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ช่วงปี พ.ศ. 2369 ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพนมวัน กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ (ต้นราชสกุลพนมวัน) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ได้รับการโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นแม่ทัพรักษาพระนคร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพนมวัน กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ ได้ทรงตั้งกองบัญชาการทัพที่วัดแหลม (วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามในปัจจุบัน) และเมื่อได้ปราบกบฏเรียบร้อยแล้ว จึงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้พร้อมพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 4 พระองค์

          ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดเบญจบพิตร" ซึ่งหมายถึงวัดของเจ้านาย 5 พระองค์ จนปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดให้เพิ่มสร้อยต่อท้ายเป็น "วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม"

          ภายในวัดมีสิ่งสำคัญมากมาย อาทิ พระอุโบสถ, พระพุทธชินราช, พระระเบียง, ศาลาหน้าพระอุโบสถ, ต้นพระศรีมหาโพธิ และศาลาอุรุพงษ์ เป็นต้น


9. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

          วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือวัดภูเขาทอง แลนด์มาร์กที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ริมคลองมหานาค และคลองรอบกรุง แขวงบ้านบาตรตัดกับคลองบางลำพู เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดสระแก และได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดสระเกศ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม และพระราชทานนามเสียใหม่

          สิ่งที่โดดเด่นมากของวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ก็คือ "พระบรมบรรพต" โดยได้เริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และแล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งสูงประมาณ 77 เมตร ด้านบนสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ


10. วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

          อีกวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามของเมืองไทย ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระอารามหลวงของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณี

          ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ, หอไตร, หอพระจอม, ศาลาทรงไทย และหอระฆัง ฯลฯ และสิ่งที่ห้ามพลาด ก็คือ "ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระวิหารหลวง" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชพิธีสิบสองเดือน นอกจากนี้ในวิหารยังมีภาพสุริยุปราคาในสมัยรัชกาลที่ 4 และพระประธาน "พระพุทธสิหังคปฏิมากร ปางสมาธิ" โดยมีพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอยู่ภายในพระพุทธอาสน์ของพระประธานองค์นี้ด้วย

13
motor show: เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่ง The new CLE Coupé ลงตลาดสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู ประเดิมด้วย CLE 300 4MATIC Coupé

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แถลงข่าวเปิดตัว The new CLE Coupé ยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตที่เข้ามาแทนที่ตระกูล Coupé ทุกรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ บุกตลาดประเทศไทยด้วยกลยุทธ์การวางตำแหน่งทางการตลาดในเซกเมนต์ Dream Car ออกแบบขนาดมิติตัวถังเทียบเท่า E-Class Coupé ประเดิมเปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศ 2 รุ่น นำโดย CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé จัดเต็มด้วยการติดตั้งอุปกรณ์และระบบการขับขี่ขั้นสูงที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู รุ่นประกอบในประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าทุกคนเป็นเจ้าของผ่านช่องทางออนไลน์และตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษกับ Premium Gift Set สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้า 100 คนแรก ที่ได้รับมอบรถในเดือนตุลาคม 2567
 
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถสปอร์ต 2 ประตู โดยมีจุดเริ่มต้นความสำเร็จมาจากโมเดล Classic Coupé อย่างรุ่น Mercedes-Benz Coupé หรือที่รู้จักกันดีในฐานะ E-Class Coupé รหัสตัวถัง C123 ซึ่งถือเป็นรถสปอร์ต 2 ประตูรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เข้ามาในประเทศไทย ตามด้วย Mercedes-Benz CE รหัสตัวถัง C124 ก่อนจะเข้าสู่ยุค Modern Luxury Coupé ด้วยการแนะนำ CLK ที่ทำตลาดต่อเนื่อง 2 เจเนเรชัน และกลับมาใช้ชื่อ E-Class Coupé อีกครั้ง ด้วยรหัสตัวถัง C207 จนมาถึงรุ่นสุดท้ายที่ทำตลาดในไทยอย่าง C238 โดยรถในตระกูล Coupé ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
 
ในวันนี้ เราต้องการพาทุกคนก้าวสู่ยุคใหม่ของรถตระกูล Coupé ด้วยการแนะนำ The new CLE Coupé รถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู เจเนเรชั่นล่าสุด ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลงใหลในยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมความหรูหรา ผสานด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และรุ่นสมรรถนะสูงที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ขั้นสูงสุดอย่าง Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé
 
The new CLE Coupé ทั้ง 2 รุ่น จะมาพร้อมระบบปฎิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุด MBUX Gen20x ซึ่งนับเป็นรุ่นที่ 2 ของรถที่ทำตลาดในประเทศไทย หลังจาก The new E-Class โดยระบบปฏิบัติการดังกล่าวมีความโดดเด่นด้วยระบบควบคุมการสร้าง routines mode หรือ AI-generated routines ที่ผสานระบบ AI ในการเรียนรู้และบันทึกรูปแบบการใช้งานของผู้ขับขี่ และยังมีการออกแบบปุ่มไอคอนให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า พร้อมแยกสีให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นตามมาตรฐานความปลอดภัย Euro NCAP อีกทั้งยังรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในทุกมิติ
 
CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic ราคา 3,950,000 บาท
 
CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic รถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ในเซกเมนต์เดียวกับ E-Class Coupé นำเสนออีกขั้นของการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความสปอร์ต ความหรูหรา และความทันสมัยตามสไตล์ยนตรกรรมยุคใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า Mild-Hybrid 48V

ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ กระจายการส่งกำลังที่ด้านหน้า 45% และด้านหลัง 55% ใช้เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
 
เมื่อเปรียบเทียบกับ E-Class Coupé จะพบว่ารถยนต์คันนี้มีตัวถังที่ยาวขึ้น กว้างขึ้น และเตี้ยกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยมีมิติตัวถังขนาดความยาว 4,850 มม., ความกว้าง 1,861 มม., ความสูง 1,422 มม. และระยะฐานล้อ 2,865 มม. มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน AMG Bodystyling สะท้อนความสปอร์ตบนท้องถนนในทุกมิติ
 
มอบความปลอดภัยสูงสุดในการเดินทางด้วยไฟหน้า DIGITAL LIGHT ซึ่งเป็นไฟหน้าอัจฉริยะที่มีความละเอียดสูงถึง 1 ล้านพิกเซลต่อ 1 โคมหลอด แบบ HD system และเทคโนโลยี Adaptive Highbeam Assist ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร ด้านบนมาพร้อมหลังคา Panoramic roof

และช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอย AMG multi-spoke ขนาด 19 นิ้ว ผสานการทำงานกับ Sports suspension ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนขณะขับขี่อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ถังน้ำมันขนาดความจุ 66 ลิตร ยังช่วยมอบอิสรภาพในการเดินทางที่มากยิ่งกว่าที่เคย
 
ทางด้านดีไซน์ภายในมีการตกแต่งแบบ AMG Interior Package มอบความรู้สึกแบบสปอร์ตลักชัวรี่ด้วยแผงคอนโซลกลางแบบ high-gloss black สีดำ ด้านบนของคอนโซลหน้า (Instrument panel) และด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง ARTICO ตกแต่งลายแบบ Nappa เสริมความดุดันด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังทรงสปอร์ตสีแดงภายในห้องโดยสาร
 
และสะดวกกับการขับขี่ไปกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต แสดงผลด้วยหน้าจอรูปแบบใหม่ที่สามารถล็อกอินเข้าใช้งานด้วยระบบ Fingerprint scanner หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ Digital ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอบริเวณคอนโซลกลางขนาด 11.9 นิ้ว ในส่วนของระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC 2 โซน ก็ถูกติดตั้งมาอย่างครบครัน
 
CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic มาพร้อมแพลตฟอร์มความบันเทิงที่สามารถเชื่อมต่อสตรีมมิ่งต่าง ๆ อย่างง่ายดาย ทั้งยังให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การฟังเพลงด้วยระบบเสียงระดับพรีเมียมอย่าง Burmester® 3D surround sound system และเทคโนโลยี Dolby Atmos® ที่จะเพิ่มอรรถรสทางดนตรีและเพลิดเพลินกับเพลงโปรดในทุกเส้นทาง พร้อมรองรับอินเทอร์เน็ต 5G ในการเข้าถึงโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมถึง Podcast ภาพยนตร์ เกม ไปจนถึงการประชุมผ่าน Zoom ให้ทุกการเดินทางครบจบได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic ยังครบครันด้วยระบบความปลอดภัยอีกมากมาย  โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White), สีดำ (Obsidian Black), สีเทา (Graphite Grey), สีเงิน (High-tech Silver) และสีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid) ราคา 3,950,000 บาท
 
Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé ราคา 5,250,000 บาท

Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé รถสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง มาพร้อมการติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูงจาก Mercedes-AMG ที่มีมากที่สุดในบรรดารถรุ่นประกอบในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น AMG Performance 4MATIC+, AMG DYNAMIC PLUS Package, Active engine mount และ AMG Real Performance Sound โดยใช้เครื่องยนต์ชุดเดียวกับ CLS 53 และ GLE 53

ซึ่งมาพร้อมขุมกำลังเบนซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า Mild-Hybrid 48V ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบ 100% ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.2 วินาที และเป็นรุ่นแรกในประเทศไทยที่ติดตั้งแพ็กเกจ AMG Driver’s Package ช่วยปลดล็อกความเร็วได้สูงสุดถึง 270 กม./ชม.
 
Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé มาพร้อมการเพิ่ม AMG DYNAMIC PLUS Package เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มอบไดนามิกการขับขี่ที่ปราดเปรียวและเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชั่น RACE START และ Drift mode ภายใต้โหมด DYNAMIC SELECT
 
ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Y-spoke ขนาด 20 นิ้ว พ่นด้วยสีดำด้าน black accents ผสานการทำงานด้วยระบบกันสะเทือนแบบ AMG RIDE CONTROL ที่ถูกออกแบบเพื่อเพิ่มความปราดเปรียวแต่ยังคงความสบายในการเดินทาง ทั้งยังติดตั้ง Active engine mounts ซึ่งเป็นลูกยางล้อมแท่นเครื่องไฟฟ้า นอกจากจะคงความนุ่มนวลขณะขับขี่บนพื้นถนนปกติแล้ว ยังช่วยยึดเกาะเพื่อไม่ให้เกิดการสั่นขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนสนามแข่งด้วยเช่นกัน
 
ดีไซน์ภายนอกเพิ่มความดึงดูดสายตาบนท้องถนนด้วยการตกแต่งแบบ AMG Night Package มอบพลังความสปอร์ตและปราดเปรียวตามแบบฉบับของ AMG Exterior และเป็นครั้งแรกของรถยนต์ประกอบในประเทศที่มาพร้อมฝากระโปรงแบบ Power dome พร้อมกับ Central air outlet มีช่องปล่อยอากาศที่เข้ามาจากหน้าเครื่องยนต์และระบายบนฝากระโปรง ไฟหน้า DIGITAL LIGHT ผสานการทำงานกับ Adaptive Highbeam assist Plus ที่จะมอบความปลอดภัยขณะขับขี่แบบไร้กังวล
 
ระบบเบรกแบบ AMG high-performance brake system ด้านหน้า 4 พอร์ต และด้านหลัง 1 พอร์ต จะช่วยให้ควบคุมได้อย่างแม่นยำทุกสภาวะการขับขี่ มาพร้อมระบบ Active rear-axle steering สามารถเลี้ยวล้อหลังได้สูงสุดถึง 2.5 องศา เมื่อวิ่งด้วย
ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. และเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงขึ้นเรื่อย ๆ จะมีการปรับล้อหลังได้สูงสุดอยู่ที่ 0.7 องศา
 

ติดตั้งระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound ซึ่งเป็นนวัตกรรมท่อที่ดีที่สุดของ Mercedes-AMG มอบเสียงที่เร้าใจและแตกต่างกันตามโหมดการขับขี่ และสามารถเลือกปรับระดับเสียงท่อไอเสียได้ทั้งแบบ BALANCED หรือ POWERFUL ผ่านคอนโซลกลาง พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มพิกัด
 

ภายในห้องโดยสารมอบรายละเอียดการตกแต่งที่โดดเด่นตามสไตล์สปอร์ตในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัย AMG Performance steering wheel พร้อมระบบพวงมาลัย AMG Steering 3 สเตจ ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังและไมโครไฟเบอร์ ให้ความรู้สึกนุ่มสบายขณะโดยสาร มอบการขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX Gen20x ที่ออกแบบมาตามรูปแบบโปรแกรม AMG ไม่ว่าจะเป็น

 
หน้าจอธีมพิเศษของ AMG การวัดแทร็กสนาม และการเรียนรู้ด้วยระบบ AI ที่จะผสานเข้ากับการทำงานของโหมด routine ทำให้สามารถเรียนรู้ข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละบุคคล และบันทึกไว้ในระบบเพื่อความสะดวกสบายแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมาพร้อม AMG Head-up Display, MBUX augmented reality for navigation และระบบเสียง Burmester® 3D surround sound system ลำโพง 17 ตัว กำลังขับ 710 วัตต์ พร้อม Dolby Atmos® ช่วยมอบเสียงเพลงที่คมชัดสมจริงรอบทิศทางราวกับอยู่ในสตูดิโอ
 
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยนั้น Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé จัดมาให้อย่างเต็มพิกัด โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ (Obsidian Black), สีน้ำเงิน (Spectral Blue), สีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid), สีขาว (MANUFAKTUR Opalite White Bright) และสีแดง (MANUFAKTUR Patagonia Red) ในราคา 5,250,000 บาท

14
Mitsubishi Triton 2024: Mitsubishi จัดแสดงรถต้นแบบ “All-New Triton” พร้อมรับจองรถ All-New Mitsubishi Triton

มิตซูบิชิ ขนทัพสุดยอดยนตรกรรมล้ำสมัย นำโดย Mitsubishi XRT Concept รถต้นแบบของรถกระบะ “All-New Triton”

ร่วมด้วย Mitsubishi Xpander Cross ที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ และผู้ที่รักการผจญภัยและออกทริปเอาท์ดอร์ Mitsubishi Pajero Sport 2.4D 4WD Elite Edition มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll และเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ  Full-Time All Wheel Control เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง Mitsubishi Triton Mega Cab 2WD 2.5 GLX 5MT ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต พร้อมช่วงล่างที่ดีเยี่ยมเพื่อสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมได้ดั่งใจพร้อมสำหรับการบรรทุกหนัก และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ รถต้นแบบ

มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกระแสตอบรับจากลูกค้าที่ต่างรอคอยการเปิดตัวรถกระบะโฉมใหม่ “All-New Triton” ว่า “Mitsubishi Triton เป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดที่แตกต่างและโดดเด่น และมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยภายในงานนี้ จะมีการจัดแสดง Mitsubishi XRT Concept รถต้นแบบของรถกระบะ “All-New Triton” เพื่อตอบรับกระแสที่หลายคนกำลังรอคอยการเปิดตัว “All-New Triton” อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้อีกด้วย”

“All-New Triton ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี จะมาพร้อมเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น แรงเต็มขั้น ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมด้วยแชสซีส์ใหม่ยกชุดที่จัดเต็มความแข็งแกร่งทนทาน ยกระดับสู่อีกขั้นของการขับขี่ที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง ควบคุมง่ายคล่องตัว สะดวกสบายและปลอดภัยกว่า เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองและบนเส้นทางออฟโรด ภายในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวาง ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ให้ความสะดวกสบายเหนือระดับ และยังมีพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานตามไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบและการบรรทุกเชิงพาณิชย์” มร. โคอิโตะ กล่าว

ผู้เข้าร่วมงาน ‘ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023’ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “ออล-นิว ไทรทัน ขับมันส์ ก่อนใคร !” (ALL-NEW TRITON REV UP & WIN)  เพื่อเป็นเจ้าของรถกระบะรุ่นใหม่ล่าสุดในโลกก่อนใคร พร้อมรับ 3 ข้อเสนอพิเศษสุดเร้าใจจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทั้งชุดแต่งแท้รอบคัน เสริมพลังหล่อเข้มเต็มพิกัด และชุดของขวัญรุ่นลิมิเต็ด ‘ออล-นิว ไทรทัน ลิมิเต็ด บ็อกซ์เซ็ต’ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ ทริปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างจุใจ รวมทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ากว่า 240,000 บาท  โดยลูกค้าที่สนใจ สามารถดูข้อมูลรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติม


ภายในงาน ยังมีการจัดแสดงสุดยอดยนตรกรรมจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส รุ่นต่างๆ ประกอบด้วย Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ที่ชื่นชอบการผจญภัยและมีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและฟังก์ชั่นที่ครบครันผสมผสานความเป็น “เอสยูวี และ ครอสโอเวอร์” ไว้อย่างลงตัว พร้อมด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ โฉบเฉี่ยว โดดเด่นทันสมัย สะท้อนความหรูหราผสานดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน พร้อมวัสดุคุณภาพสูงระดับพรีเมี่ยม เสริมความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย  “ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง” (Active Yaw Control: AYC) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกระหว่างเข้าโค้ง เพิ่มความปลอดภัยและเสถียรภาพในการขับขี่ ให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้มากกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่หลากหลายรองรับการใช้งานในทุกรูปแบบของครอบครัวยุคใหม่ ที่รักการผจญภัยและชื่นชอบกิจกรรมเอาท์ดอร์


อีกหนึ่งไฮไลท์ภายในงาน คือ Mitsubishi Pajero Sport 2.4D 4WD Elite Edition ที่มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll และเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ  Full-Time All Wheel Control เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift เทคโนโลยีครบครันด้วยระบบปรับอากาศ nanoeTMX  มอบอากาศสะอาดและสดชื่นภายในห้องโดยสาร ชุดเครื่องเสียงพรีเมี่ยม Mitsubishi Power Sound System (MPSS) ลำโพง 8 ตำแหน่ง สะดวกสบายขั้นสุดด้วยเบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับขี่ รองรับทุกสรีระ และเบาะหนังสังเคราะห์ คุณสมบัติสะท้อนความร้อน QUOLE MODURE


ตามด้วย Mitsubishi Triton Mega Cab 2WD 2.5 GLX 5MT ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต พร้อมช่วงล่างที่ดีเยี่ยมเพื่อสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมได้ดั่งใจพร้อมสำหรับการบรรทุกหนัก พร้อมด้วยไฟท้ายและไฟเบรก LED พร้อมไฟตัดหมอก ระบบความปลอดภัยครบครัน ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS และ EBD รัศมีวงเลี้ยวที่แคบและความสูงใต้ท้องรถที่สูง ทำให้รถกระบะรุ่นนี้รองรับการใช้งานอย่างอเนกประสงค์ มีความคล่องตัวสูง ดีไซน์ที่มีสไตล์ โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นปกติหรือนำไปตกแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้

15
การลดน้ำหนัก บอดี้เวท การออกกำลังกายแบบเสริมกล้ามเนื้อ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์

บอดี้เวท (Bodyweight) เป็นการบริหารร่างกายแบบหนึ่งที่เน้นย้ำการใช้น้ำหนักตัวสำหรับการออกกำลังกาย โดยมากชอบเป็นการบริหารร่างกายกล้ามซึ่งช่วยเพิ่มมวลกล้ามภายในร่างกาย แต่ว่าก็ซ่อนเร้นไปด้วยการใช้พลังงานที่มากขึ้นเหมือนกับการออกกำลังต้นแบบอื่น

การบริหารร่างกายแบบบอดี้เวท บางทีอาจช่วยสร้างเสริมสุขภาพที่ดีรวมทั้งสร้างรูปร่างที่กระชับมากขึ้นเรื่อยๆ การเล่นบอดี้เวทโดยมากมักไม่สลับซับซ้อนและไม่จำต้องใช้เครื่องใช้ไม้สอย ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงิน ทั้งยังยังเป็นการบริหารร่างกายที่มีคุณภาพรวมทั้งเหมาะกับมือใหม่ที่พึ่งเริ่มบริหารร่างกาย


ประโยชน์

การบริหารร่างกายแบบบอดี้เวทอย่างเหมาะควรอยู่เป็นประจำบางทีอาจเป็นผลดีในด้านต่อแต่นี้ไป

เพิ่มมวลกล้าม มวลกล้ามเป็นอวัยวะของร่างกายที่เผาผลาญพลังงานได้มากกว่าองค์ประกอบอื่น ถ้ามีการเผาผลาญที่มากขึ้นก็จะช่วยลดการได้รับพลังงานเกินจนถึงทำให้เกิดการสั่งสมไขมันและก็น้ำหนักที่มากขึ้น ซึ่งการบริหารร่างกายเพื่อเพิ่มกล้ามพร้อมกันไปกับการลดความอ้วนด้วยแนวทางอื่น อย่างการคาร์ดิโอและก็คุมของกิน จะช่วยทำให้ลดความอ้วนได้อย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกรวมทั้งข้อต่อ นอกเหนือจากกล้ามที่มากขึ้นแล้วก็แข็งแรงขึ้นแล้ว บอดี้เวทยังช่วยสร้างเสริมความแข็งแรงของกระดูกแล้วก็ข้อต่อ ทั้งยังบอดี้เวทบางท่ายังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อแล้วก็ช่วยสำหรับการทรงตัว ทำให้ร่างกายสามารถขยับเขยื้อนเจริญมากขึ้นเรื่อยๆ

ลดการเสี่ยงของโรคเรื้อรัง การเล่าเรียนชิ้นหนึ่งได้เรียนคุณประโยชน์ซึ่งมาจากการบริหารร่างกายกล้าม (Strength Training) อย่างบอดี้เวทและก็การกีฬายกน้ำหนัก (Weight Lifting) เพื่อลดการเสี่ยงของเบาหวานจำพวกที่ 2 และก็กรุ๊ปโรคเส้นเลือดหัวใจของ ผลพบว่า ผู้ที่บริหารร่างกายกล้ามบ่อยๆมีการเสี่ยงของเบาหวานจำพวกที่ 2 รวมทั้งกรุ๊ปโรคเส้นเลือดหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่บริหารร่างกายจำพวกนี้

รูปร่างร่างกายที่ดูดีขึ้น บอดี้เวท จะช่วยสร้างแล้วก็กระชับกล้าม ถ้าหากใครกันแน่คิดว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องรูปร่างไม่กระชับหรือหย่อนยานคล้อย การบอดี้เวทด้วยท่าต่างๆบางทีอาจช่วยได้ ด้วยเหตุว่าการใช้กล้ามจะช่วยทำให้กล้ามกระชับขึ้น ส่วนผู้ที่มีรูปทรงหรือมีไขมันส่วนเกินมากมาย การบอดี้เวทเพียงอย่างเดียวบางทีอาจน้อยเกินไป ก็เลยจะต้องอาศัยการบริหารร่างกายแบบคาร์ดิโอร่วมกับการควบคุมของกินเพื่อดึงไขมันสะสมตามส่วนต่างๆของร่างกายมาใช้


สำหรับมือใหม่

ท่าบริหารร่างกายแบบบอดี้เวทมีมากมายท่า แต่ละท่าก็จะช่วยบริหารส่วนที่ไม่เหมือนกันไป หรือบางท่าสามารถบริหารได้หลายส่วนพร้อม สำหรับมือใหม่ ท่าตั้งแต่นี้ต่อไปบางทีอาจเป็นท่าเริ่มที่ดี ทำเป็นง่าย แล้วก็เป็นท่าที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยรู้จัก ก่อนที่จะเริ่มบอดี้เวทควรจะวอร์มร่างกายทุกหนเพื่อจัดแจงร่างกายให้พร้อม คุ้มครองปกป้องอาการบาดเจ็บ

ช่วยทำให้บริหารกล้ามได้สุดกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจจะเริ่มจากผู้กระทำระกระโดดตบ การเดินเร็ว การยืดร่างกายด้วยท่าทีต่างๆรวมกันสัก 10 นาทีก่อนเริ่ม ภายหลังจากวอร์มร่างกายแล้ว สามารถเริ่มบอดี้เวทได้เลย โดยให้เล่นท่าละ 30 วินาทีในแต่ละเซต พัก 30 วินาทีระหว่างเซต รวมทั้งทำท่าละ 2–3 เซต


สรุป

จะมองเห็นได้ว่าการบริหารร่างกายแบบบอดี้เวทนั้นมีจุดเด่นหลายชนิด ทั้งยังเล่นได้ง่าย ไม่สลับซับซ้อน ไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่อ่อนเพลียเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับการบริหารร่างกายอื่นๆแล้วก็ใช้เวลาเพียงแต่ 10–20 นาทีต่อครั้งแค่นั้น ทั้งยังยังสามารถเข้าถึงแนวทางเล่นท่าต่างๆได้จากอินเทอร์เน็ตแล้วก็แอปพลิเคชันได้โดยทันที ก็เลยบางทีอาจกล่าวได้ว่าบอดี้เวทนั้นเป็นการบริหารร่างกายที่เหมาะกับคนเกือบทุกกรุ๊ป แล้วก็เป็นการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายตัวเองที่ง่าย แม้กระนั้นได้ประโยชน์มากมาย

หน้า: [1] 2 3 ... 13