ผู้เขียน หัวข้อ: all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton เจนฯ 6 กลับมาขายใหม่ที่ญี่ปุ่น  (อ่าน 30 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 158
    • ดูรายละเอียด
all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton เจนฯ 6 กลับมาขายใหม่ที่ญี่ปุ่นในรอบ 10 กว่าปี

หลังจากที่ Mitsubishi Triton 2024 ใหม่ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ล่าสุดทางมิตซูบิชิประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศวันที่ทางรถกระบะเจนฯ ใหม่ จะลงตลาดวางขายในดินแดนอาทิตย์อุทัยแล้ว โดยมีกำหนดลงโชว์รูมในวันที่ 15 ก.พ. 2024 นี้ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่รุ่น GLS และรุ่น GLR โดยรถที่วางขายในแดนปลาดิบนี้จะถูกผลิตทั้งคันจากโรงงานในประเทศไทย

สำหรับ Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่ 6 ถูกนำไปวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดนี้ จะมีเฉพาะตัวถังแบบ Double Cab 4 ประตู ในด้านงานออกแบบมาพร้อมแนวคิดที่เรียกว่า Beast Mode (บีสท์ โหมด) ที่สะท้อนความบึกบึน และทรงพลังแบบฉบับ

ด้านหน้ายังมาในแบบไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) โดยในรุ่น GLR จะได้รับกระจังหน้าสีเดียวกัยตัวรถ พร้อมปั้มชื้อแบรนด์ M I T S U B I S H I ไว้ที่ขอบกระจังหน้าด้านบน ส่วนตรงกลางติดตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงิน ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นกระจังหน้าสีดำ ขณะที่ลายละเอียดจะเหมือนกับในรุ่นท็อป GLR

นอกจากนั้นในส่วนชุดแต่งที่ขอบชุดไฟหน้า ในรุ่น GLR จะเป็นสีดำ ลากยาวมาจรดถึงกันชนหน้า ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นสีบรอนซ์เงิน เช่นเดียวกัยที่ฝาครอบกระจกแมองข้าง และมือเปิดประตู ในรุ่นท็อปจะเป็นสีดำ ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะเป็นสีบรอนซ์เงิน นอกจากนั้นยังเติมความดุดันด้วยการ์ดกันกระแทกสีเงินในร่นท็อป ขณะที่รุ่นเริ่มต้นจะไม่มีติดตั้งมาให้

อีกทั้งในรุ่น GLR ยังมาพร้อมกับซุ้มล้อสีดำมาในแบบสามมิติ เข้าชุดกับล้ออัลลอยล้อรมดำขนาด 18 นิ้ว ส่วนในรุ่น GLS จะมีขนาด 18 นี้วเท่ากัน แต่จะมาในสีเทา

นอกจากนั้นในรุ่น GLR ยังได้รับการติดตั้งสปอยเลอร์บนขอบกระบะท้าย มาพร้อมไฟท้าย ไฟท้าย LED T-shaped และกันชนหลังสีเงิน

โดยในรุ่น GLR จะมีให้เลือก 4 เฉดสีได้แก่ สีส้ม Yamabuki Orange Metallic, สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic และสีดำ Jet Black Mica

ส่วนในรุ่น GLS จะมีให้เลือก 5 เฉดสีได้แก่ สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic, สีดำ Jet Black Mica, สีบรอนซ์เงิน Blade SilveR Metallic และสีแดง Red Solid

ภายในห้องโดสารทั้ง 2 รุ่นย่อยจะได้รับจอเรือนไมล์แบบ LCD ขนาด 7 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่หุ้มด้วยวัสดุหนัง มาพร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้นับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน, ช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้า และด้านหลัง 1 จุด, แท่นชาร์จมือถือไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม

แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด

สำหรับระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการกขับขี่ จะได้รับระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับคนเดินถนนและผู้ใช้จักรยาน, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ และระบบอ่านป้ายจราจร, กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ e-Assist, ประตูกระบะท้ายพร้อมระบบกุญแจล็อก เป็นต้น

ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนวอร์ชันญี่ปุ่นทั้ง 2 รุ่นย่อย จะมากัยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส 4N16 ความจุ 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับ Triton Athlete ที่จะเปิดตัวในประเทศไทยช่วงต้นปี 2567 นี้

ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-Ⅱ และระบบล็อกเฟืองท้าย

สำหรับ Mitsubishi Triton เวอร์ชั่นในตลาดญี่ปุ่น จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 15 ก.พ. ที่จะถึงนี้ โดยในรุ่น GLS จะมีราคา 4,988,000 เยน หรือราว 1.2 ล้านบาท และรุ่น GLR เปิดราคาอยู่ที่ 5,401,000 เยน หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท